หน้าแรก คลินิกรักษา เริมที่ปาก เกิดจาก

วิธีรักษา: เริมที่ปาก เกิดจาก

โรคเริม คืออะไร รักษาได้ไหม สาเหตุเกิดจากอะไรบ้าง

0

1.  โรคเริม โรคผิวหนังที่ทุกคนต้องควรระวัง

โรคเริมถือเป็นหนึ่งในโรคทางผิวหนัง ที่สามารถติดต่อและส่งหากันได้ผ่านทางการสัมผัส สามารถเป็นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวและวัยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อติดโรคเริมจะไม่ค่อยแสดงอาการใด ๆ โดยจะเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่จะเป็นในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่มีผิวหนังได้ทั้งหมด เมื่อรักษาแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง

 

2.  สาเหตุของการเกิดโรคเริม นั้นเกิดจากอะไร

โรคเริมเป็นโรคทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex ที่ตรงเข้าสู่ผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกาย สำหรับการติดต่อถือว่าง่ายมาก เพราะจะติดต่อกันผ่านทางสัมผัส เพราะลักษณะเริมจะมีตุ่มขึ้นคล้ายหนองและจะแตกออกเป็นน้ำ ดังนั้นเมื่อใดที่ผู้ป่วยสัมผัสน้ำที่แตกออกมาจากเริมแล้วไปสัมผัสผู้อื่นจะสามารถติดได้ทันที ทั้งยังติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งการติดเชื้อไวรัสประเภท Herpes simplex มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ

  • Herpes simplex แบบ Type 1 จะอยู่ที่บริเวณรอบปากและภายในปาก จะเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจากความเครียด, ทำงานหนัก, พักผ่อนน้อย หรือร่างกายอยู่ในภาวะพักฟื้นหลังการผ่าตัดและการเจ็บป่วยต่าง ๆ นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีประจำเดือนก็สามารถเสี่ยงเกิดเริมที่ปากได้ง่ายเช่นกัน
  • Herpes simplex แบบ Type 2 จะเป็นการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ โดยจะติดช่วงอวัยวะเพศ, ปากมดลูก, ช่องคลอด, อวัยวะเพศชาย, บริเวณถุงอัณฑะ หรือทวารหนัก และบริเวณใกล้เคียงกันได้ทั้งหมด

โดยเชื้อทั้ง 2 ประเภทเป็นปัจจัยที่ทำให้ลุกลามไปสู่การติดเชื้อในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ง่าย ยิ่งถ้าร่างกายอ่อนแอลงและภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ถึงขั้นเชื้อลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญและสมองได้เลยทีเดียว


3.  อาการของโรคเริม เป็นอย่างไร น่ากลัวหรือไม่

สำหรับอาการของโรคเริมนั้น จะคล้ายกับอาการติดเชื้อทางผิวหนังทั่วไป แต่จะมีอาการเฉพาะที่สังเกตได้ง่าย ดังนี้

  • มีตุ่มพองใสขนาดเล็กขึ้นที่บริเวณผิวหนัง มีลักษณะคล้ายน้ำอยู่ภายใน
  • เมื่อปรากฏตุ่มพองใสแล้ว จะมีอาการปวดและแสบร้อนเมื่อไปสัมผัส
  • หลังจากการเกิดตุ่มพองใสประมาณ 2 วัน น้ำที่อยู่ภายในจะเริ่มแตกออกมา ถ้าดูแลไม่ดีจะเกิดการติดเชื้อจนอักเสบและลุกลามไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว
  • ถ้ารักษาไม่ดีแล้วแผลมีขนาดใหญ่ขึ้น จะรักษาให้หายยากและทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเสียหายทันที
  • มีอาการอ่อนเพลียและปวดเมื่อยร่างกายร่วมด้วย
  • ลักษณะอาการจะคล้ายกับไข้หวัด โดยจะมีคัดจมูก น้ำมูกไหล และมีลักษณะอาการคล้ายหวัดทั้งหมด
  • ถ้าอาการรุนแรงจะเป็นยาวนานกว่า 2 สัปดาห์

 

 


4.  วิธีดูแล รักษาและป้องกันโรคเริม เบื้องต้น ง่ายๆ

การดูแลและป้องกันเบื้องต้น จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่หนักมาก โดยวิธี คือ

  • พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ตรงตามเวลา
  • ลดความตึงเครียดและผ่อนคลายให้มากที่สุด
  • ดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความชุ่มชื้น
  • ถ้าเกิดเริมขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ให้รักษาความสะอาดและทำแผลให้ดีเสมอ
  • อาบน้ำด้วยน้ำยาแบบฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบและลุกลาม วันละ 2 ครั้งเสมอ
  • เมื่อเป็นแล้วไม่ควรเกาหรือแกะตุ่มพองใสเด็ดขาด เพราะจะทำให้เชื้อกระจายได้มากขึ้น
  • ถ้ามีอาการไข้หวัดร่วมด้วยให้ทานยาพาราเพื่อลดไข้
  • ถ้าต้องการความมั่นใจควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาอาการทันที
  • ถ้าอาการเริ่มหนักขึ้นและไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อป้องกันการลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญ

แม้ว่าโรคเริมบนผิวหนังจะไม่ได้ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะอาจจะพาให้ผิวเสียหายและลุกลามไปสู่การอักเสบที่จะ ทำให้อวัยวะในส่วนอื่น ๆ เกิดความเสียหายไปด้วย ทั้งยังอาจจะลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญของร่างกายจนพาให้สูญเสีย ชีวิตได้เลย

 


5.  Dsecret clinic  คลินิกรับรักษาโรคเริม โดยแพทย์เฉพาะทาง

Dsecret clinic เข้าใจดีสำหรับทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง โรคเริม  เรารู้และเข้าใจสาเหตุของทุกปัญหา กรณีที่อาการของโรครบกวนการนอนหลับพักผ่อนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกกังวลและอับอาย พยายามรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษา เพียงคุณเข้ามาติดต่อสอบถาม หรือเข้ามาปรึกษาเราได้ฟรีที่ คลินิก Dsecret clinic เรามี

  • แพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญมีหมอที่เก่งโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ
  • ไว้พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาคุณในทุกๆ เรื่อง
  • เพราะเราใส่ใจในความรู้สึกและปัญหาของคุณ
  • เราพร้อมให้บริการที่ยอดเยี่ยม
  • มีทีมงานคอยบริการคุณทุกคนอย่างดี
  • ใส่ใจคนไข้ทุกคนไม่ว่าปัญหาของคุณจะเล็กมากแค่ไหน
  • แต่นั้นคือเรื่องสำคัญของเราเสมอ

ขอบคุณที่ไว้ใจให้เราได้คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิด และเราจะตั้งใจในการบริการงานของเราให้ดีที่สุดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณมาหาเราแล้วได้แต่รอยยิ้มและความสุขกลับไป

 


6. ประสบการณ์ มากกว่า 15 ปีของ พญ. มริญญา ผ่องผุดพันธ์

ประสบการณ์การทำงาน

  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพบาบาลรามาธิบดี
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ

ผ่านการศึกษาจาก ( Education )

  • Hair Restoration Training, Korea (2015)
  • Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
  • Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
  • Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
  • Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
  • Nail surgery training
  • Laser expert training
  • Hair expert training
  • Boton university usa

 

การค้นหาที่เกี่ยวข้อง

รักษาเริมด้วยตัวเอง
โรคเริมที่ปาก
งูสวัด เริม
เริมที่ตา
เริม – Pantip
เป็นเริมที่อวัยเพศ บ่อยมาก
โรคเริม อาการ
แนวทางการรักษาเริม

การค้นหาที่เกี่ยวข้อง

รูปเริม
วิธีรักษาเริม
งูสวัด เริม
เริม อาการ
รักษาเริมด้วยตัวเอง
แนวทางการรักษาเริม
ยาฉีดรักษาเริม
อาการเริมที่ปาก

การค้นหาที่เกี่ยวข้อง

โรคเริม วิธีรักษา
รูปโรคเริม
เริมที่หลัง
รักษาเริมด้วยตัวเอง
เริมที่ตา
อาการเริมที่ปาก
เป็นเริมที่อวัยเพศ บ่อยมาก
โรคเริม เสี่ยง เป็นเอดส์ ไหม

การค้นหาที่เกี่ยวข้อง

รักษาเริมด้วยกระเทียม
เบตาดีนทาเริม
รักษาเริมที่ปาก
สมุนไพรรักษาเริม pantip
รักษาเริมด้วยตัวเอง pantip
เป็นเริมกี่วันหาย
เป็นเริมที่อวัยเพศ ห้ามกินอะไร
เป็นเริมไม่หายสักที

 

สมุนไพรพื้นบ้านก็รักษาเริมได้ จริงหรือไม่?

0

สมุนไพรพื้นบ้านก็รักษาเริมได้ จริงหรือไม่?

โรคเริม คือโรคติดเชื้อทางผิวหนังโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายไม่สมดุล อ่อนแอ และภูมิคุ้มกันตก และได้สัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อม เช่น การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ของร่วมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน หรือการมีเพศสัมพันธ์ แต่ก็เป็นโรคที่สามารถรักษาหายได้ด้วยสมุนไพรบ้านเรา ซึ่งเดิมแล้วเป็นวิธีที่นิยมใช้ในทางการแพทย์แผนไทย

ปรึกษาปัญหา โรคเริม คลิกที่นี่

เจาะลึกถึงที่มาของเริม

โรคเริม คือโรคติดเชื้อทางผิวหนังโรคที่เกิดขึ้นจากการที่ร่างกายไม่สมดุล อ่อนแอ และภูมิคุ้มกันตก  โดยสาเหตุการเกิดโรคเริมเกิดจากการติดเชื้อไวรัสเชื้อไวรัส ซึ่งไวรัสแต่ละตัวจะมีพื้นที่การติดเชื้อแตกต่างกัน

  • HSV1เกิดการติดเชื้อบริเวณปากสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสกับผู้ป่วย
  • HSV2ไวรัสชนิดนี้ทำให้เกิดการติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศหญิงและชาย

ติดต่อสอบถาม โรคเริม คลิกที่นี่

           แต่โดยรวมแล้วหากสัมผัสโดยตรงกับเชื้อหรือผู้ป่วยประกอบกับร่างกายเราภูมิคุ้มกันตก หากเราสัมผัสสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ที่มีเชื้อโรคเริม หรือสัมผัสกับผู้ที่เป็นโรคเริบอยู่แล้ว จะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น ดังนั้นถ้ามีอาการของโรคเริม แนะนำให้เข้ารับการรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านโรคผิวหนัง เพื่อทำการรักษาอย่างถูกวิธีและป้องกันไม่ให้ลามมากกว่าไปเดิม

อาการโรคเริม

โรคเริม เกิดจากการได้สัมผัสกับผู้ที่มีเชื้อโรค ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสโดยตรงหรือทางอ้อม เช่น การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน ใช้ของร่วมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน หรือการมีเพศสัมพันธ์  ซึ่งลักษณะอาการโรคเริม จะมีดังต่อไปนี้

  • มีตุ่มน้ำใสขึ้นในบริเวณที่ติดเชื้อ
  • หลังจากนั้นจะแตกออก
  • อาการปวดแสบ ปวดร้อน
  • อาการสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้อีก เช่นผู้ที่พักผ่อนน้อย
  • เริมเกิดในคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ

แอดไลน์ปรึกษาอาการ โรคเริม คลิกที่นี่

          โดยทั่วไปเริมสามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัส ดังนั้นหากเกิดเริมขึ้น ควรงดการใช้สิ่งของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น งดมีเพศสัมพันธ์ในขณะที่มีโรคเริมกำเริบ  หากอาการยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้เข้ารับการรับษากับแพทย์เฉพาะทางด้านโรคผิวหนัง

ชนิดสมุนไพร ที่สามารถนำมารักษาเริบได้

โรคเริมแม้ว่าจะหายแล้ว  แต่ก็มีปัจจัยที่สามารถกระตุ้นทำให้เกิดเริมซ้ำ  แต่หากได้สมุนไพรที่หาได้ง่ายในบ้านเรามารักษา ก็จะช่วยบรรเทาอาการ ทำให้เราสามารถดูแลตัวเองได้

  • ว่านมหากาฬ ใช้ใบสดมาตำกับพิมเสนทาเพื่อลดอาการ
  • ตำลึง ใช้ใบสดโขลกกับดินสอพอง และพอกบริเวณที่เป็นแผลเริม
  • หญ้าน้ำดับไฟ ใบและใบ โขลกผสมพิมเสน ทาแผล อาการก็จะดีขึ้น
  • เสลดพังพอนตัวเมีย ใช้ใบสดตำกับสุรา ทาแผลเริบเพื่อลดอาการ

ปรึกษาปัญหา โรคเริม คลิกที่นี่

          โดยการใช้สมุนไพรพื้นบ้านนั้นจะอาศัยหลักการที่ว่าด้วยเรื่องของการรักษาสมดุลของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้กลับมาปกติ  หากรักษาด้วยสมุนไพรแล้วยังไม่หาย ควรรีบไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนังและเล็บ  เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

การแพทย์สมัยใหม่ หรือแพทย์เฉพาะทาง ดีกว่าการใช้สมุนไพรพื้นบ้านรักษาหรือไม่?

การใช้สมุนไพรพื้นบ้านนั้นจะอาศัยหลักการที่ว่าด้วยเรื่องของการรักษาสมดุลของภูมิคุ้มกันในร่างกายให้กลับมาปกติ  การรักษาด้วยสมุนไพรนั้นมีประโยชน์รอบด้าน แต่บางครั้งการใช้สมุนไพรก็เปรียบเสมือนดาบสองคม

  • เนื่องจากว่าขาดความรู้เรื่องการใช้สมุนไพร หากใช้โดยไม่รู้อาจจะนำ มาซึ่งความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นได้
  • การแพทย์แผนปัจจุบันเองก็สามารถรักษาตามอาการที่เกิดขึ้นได้
  • การผสมหลายสมุนไพรกับยาตัวอื่นในบางครั้งอัตราส่วนก็เป็นสิ่งสำคัญ

ติดต่อสอบถาม โรคเริม คลิกที่นี่

          การใช้สมุนไพรนั้นอาจจะสามารถทำได้ง่าย แต่หากขาดความรู้หรือความใส่ใจอาจกลายเป็นจุดที่เลวร้ายกว่าเดิม ซึ่งการรักษาที่สำคัญที่สุดของโรคเริม คือการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการที่เชื้อจะเข้าไปทำทำลายอวัยวะที่ติดเชื้อ ซึ่งอาจต้องขอคำปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง

ทั้งนี้ผู้ป่วยต้องหมั่นสังเกตุอาการและรีบเข้าขอรับคำปรึกษากันแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยวิธีการรักษานี้ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม และดุลยพินิจของแพทย์โดยทาง “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ปัจจุบันมีเทคโนโลยีการแพทย์หลากหลายรูปแบบและเรามีแพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนังโดยเฉพาะ ซึ่งมีประสบการณ์ตรงมากกว่า 15 ปีของ พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ ตจแพทย์  รอให้คำแนะนำและให้คำปรึกษาทุกเรื่องปัญหาที่เกี่ยวกับผิวและเล็บของคุณ

แอดไลน์ปรึกษาอาการ โรคเริม คลิกที่นี่

สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติด้านผิวหนัง “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” เปิดให้บริการ ยินดีรับฟัง ให้คำปรึกษา และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาไปพร้อมกับคุณ ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี คุณสามารถไว้วางใจและเข้ารับบริการได้ที่สาขาใกล้บ้าน เพราะ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” เป็นคลินิกที่มุ่งเน้นในเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัย มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดย พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ แพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง ที่มีประสบการณ์การรักษามากกว่า 15 ปี จากหลายสถาบัน ที่ผ่านการศึกษาจาก (Education)

  • Hair Restoration Training, Korea (2015)
  • Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
  • Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
  • Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
  • Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
  • Nail surgery training
  • Laser expert training
  • Hair expert training
  • Boton university usa

ประสบการณ์การทำงานของ พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ 

  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ

เริม เป็นโรคติดต่อได้ไหม หากไม่รักษาเป็นอันตรายหรือไม่

0

เริม เป็นโรคร้ายแรงไหม หากไม่รักษา

โรคเริม หรือที่หลายคนมักเรียกว่า งูสวัด สามารถเกิดได้กับทุกเพศ ทุกวัย เป็นโรคผิวหนังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ เนื่องจากเชื้อไวรัสเหล่านี้จะยังคงอยู่ในร่างกายแม้อาการจะสงบลงแล้ว และกลับมาแสดงอาการอีกหากร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ  โรคเริมเกิดจากเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า Herpe Simplex Virus (HSV) ซึ่งมีอยู่ 2 ชนิด คือ Herpes Simplex Virus type 1 (HSV-1) และ Herpes Simplex Virus type 2 (HSV-2) โดยเชื้อ HSV นั้น ทำให้เกิดเริมได้ที่บริเวณผิวหนัง และในส่วนชั้นเยื่อเมือกของร่างกาย

อาการของ โรคเริม เป็นอย่างไร

อาการโรคเริม โดยรวมแล้วเริ่มจะเกิดอาการที่บริเวณที่ปาก และเริมที่อวัยวะเพศ ซึ่งจะมีลักษณะอาการค่อนข้างคล้ายกัน โดยจะมีตุ่มน้ำใสบริเวณที่ติดเชื้อ ได้แก่ ปาก อวัยวะเพศ ทวารหนัก บั้นท้ายหรือต้นขา มีอาการเจ็บปวด แสบที่บริเวณแผล โรคเริมจะมีอาการที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับว่าเป็นการติดเชื้อครั้งแรกหรือเคยเป็นมาก่อน ผู้ที่ติดเชื้อเริมครั้งแรกนั้นอาจจะมีอาการหรือไม่มีก็ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับเชื้อเริมครั้งแรกและได้รับการรักษาจนดีขึ้นแล้ว เชื้อไวรัสเริมจะยังคงก่อตัวสะสมในปมเส้นประสาท หากมีปัจจัยกระตุ้นเชื้อเริมจะเคลื่อนตัวตามเส้นประสาทไปจนถึงปลายประสาททำให้เกิดโรคเริมกำเริบขึ้นอีกได้

ปรึกษาปัญหา โรคเริม คลิกที่นี่

สาเหตุการเกิดโรคเริม

สาเหตุการเกิดโรคเริม เชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิด สามารถติดต่อได้โดยตรงจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสใกล้ชิด อาทิ การจูบหรือกิจกรรมทางเพศ การใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน นอกจากนี้ หากผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวตั้งครรภ์และคลอดบุตร เด็กทารกที่คลอดออกมาก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะติดเชื้อไวรัส HSV ทั้ง 2 ชนิด และอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนที่อันตราย ทว่าเชื้อไวรัสทั้ง 2 ชนิดไม่สามารถกำจัดออกจากร่างกายได้หมด ทำให้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ ทำได้เพียงช่วยควบคุมให้อาการสงบลงเท่านั้น ทั้งนี้ สาเหตุของเริมอาจเกิดขึ้นจากปัจจัยอื่น ๆ ได้

  • มีการติดเชื้ออื่น ๆ เช่น การติดเชื้อที่ระบบทางเดินหายใจ
  • ความเครียด เหนื่อยหรืออ่อนเพลียมาก ๆ
  • มีแผลบริเวณที่เป็นเริม
  • ขาดสารอาหาร

หากคุณกำลังประสบปัญหาเหล่านี้ ให้ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ได้เป็นส่วนหนึ่งคอยดูแลและทำให้คุณกลับมามีความมั่นใจในตนเองอีกครั้ง คุณสามารถเข้าขอรับคำปรึกษาและคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางสาขาใกล้บ้านได้แล้ววันนี้  ไม่ว่าปัญหาที่คุณกำลังพบเจอจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญกับเราเสมอ

ติดต่อสอบถาม โรคเริม คลิกที่นี่

การรักษา โรคเริม

การรักษาโรคเริมด้วยตัวเองโดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่การบรรเทาอาการปวดและคันบริเวณแผล เนื่องจากเริมสามารถหายเองได้โดยไม่ต้องใช้ยารักษา ซึ่งวิธีการบรรเทาอาการเจ็บปวดของเริมที่ปากและเริมที่อวัยวะเพศสามารถทำได้ดังนี้

เริมที่ปาก

  • ดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย
  • ประคบแผลด้วยความเย็นช่วยลดอาการเจ็บปวดได้
  • เลี่ยงอาหารที่มีรสจัดหรืออาการที่มีส่วนประกอบของกรดมาก ๆ
  • หันมาใช้น้ำยาบ้วนปากแทนการใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดช่องปาก เพื่อลดการระคายเคืองของแผล

เริมที่อวัยวะเพศ

  • ล้างบริเวณรอบ ๆ แผลด้วยน้ำอุ่นอย่างน้อยวันละ 3-4 ครั้ง
  • ประคบแผลด้วยความเย็นช่วยลดอาการเจ็บปวด
  • ใช้ลมเป่าให้แห้งแทนการเช็ดด้วยผ้า เพื่อป้องกันการเสียดสีจนเกิดการระคายเคือง
  • สวมชุดชั้นในที่ผลิตจากผ้าคอตตอน ดูดซับความชื้นได้ดี และไม่ควรสวมใส่ชั้นในที่ฟิตจนเกินไป เพราะอาจทำให้แผลถูกเสียดสีได้

เพื่อคลายความกังวลของคุณ เราขอยืนยันจากรีวิวของผู้ที่เข้ามาใช้บริการของ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ไม่ว่าจะเป็น คุณกิ๊ก มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ นักแสดงที่มีฝีมือการและมีผลงานการแสดงหลากหลายบทบาท ,คุณเกลือ กิตติ เชี่ยววงศ์กุล  พิธีกรชื่อดัง ผู้กำกับ นักแสดง และผู้เข้ารับบริการอีกมากมาย

แอดไลน์ปรึกษาอาการ โรคเริม คลิกที่นี่

การใช้ยารักษาโรคเริม

โรคเริมยังไม่มียาที่สามารถรักษาได้โดยตรง ดังนั้นในช่วงที่เกิดอาการ แพทย์อาจสั่งยาลดอาการปวด  นอกจากนี้ เพื่อบรรเทาอาการปวดและระคายเคืองก็อาจใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของยาชาเพื่อบรรเทาอาการชั่วคราวได้ แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องใช้ยาต้านไวรัสเพื่อควบคุมการแพร่กระจายและบรรเทาความรุนแรงและความถี่ในการเกิดโรค โดยยาต้านไวรัสที่นิยมใช้มีทั้งชนิดทา และรับประทาน

การสั่งยาของแพทย์ในผู้ป่วยแต่ละกลุ่มล้วนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับจำนวนการกลับมาเป็นซ้ำของเริมที่อวัยวะเพศ โดยสำหรับผู้ป่วยที่มีการกลับมาเป็นซ้ำน้อยกว่า 6 ครั้งต่อปี แพทย์จะใช้วิธีการรักษาแบบ Episodic Treatment นั่นก็คือการสั่งใช้ Acyclovir 5 วันติดต่อกันเมื่อผู้ป่วยเริ่มรู้สึกคล้ายเป็นเหน็บหรือมีอาการชาซึ่งเป็นสัญญาณแรกของเริม

สำหรับผู้ที่มีอาการผิดปกติด้านผิวหนัง “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” เปิดให้บริการ ยินดีรับฟัง ให้คำปรึกษา และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาไปพร้อมกับคุณ ให้คำปรึกษาเป็นอย่างดี คุณสามารถไว้วางใจและเข้ารับบริการได้ที่สาขาใกล้บ้าน เพราะ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” เป็นคลินิกที่มุ่งเน้นในเรื่องของมาตรฐานและความปลอดภัย มีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัย โดย พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ แพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง ที่มีประสบการณ์การรักษามากกว่า 15 ปี จากหลายสถาบัน ที่ผ่านการศึกษาจาก (Education)

  • Hair Restoration Training, Korea (2015)
  • Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
  • Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
  • Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
  • Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
  • Nail surgery training
  • Laser expert training
  • Hair expert training
  • Boton university usa

ประสบการณ์การทำงานของ พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ 

  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ