1. โรคเริม โรคผิวหนังที่ทุกคนต้องควรระวัง
โรคเริมถือเป็นหนึ่งในโรคทางผิวหนัง ที่สามารถติดต่อและส่งหากันได้ผ่านทางการสัมผัส สามารถเป็นได้ตั้งแต่ในวัยหนุ่มสาวและวัยเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เมื่อติดโรคเริมจะไม่ค่อยแสดงอาการใด ๆ โดยจะเป็นการติดเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่จะเป็นในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายที่มีผิวหนังได้ทั้งหมด เมื่อรักษาแล้วก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้อีกครั้ง
2. สาเหตุของการเกิดโรคเริม นั้นเกิดจากอะไร
โรคเริมเป็นโรคทางผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Herpes simplex ที่ตรงเข้าสู่ผิวหนังและเนื้อเยื่อของร่างกาย สำหรับการติดต่อถือว่าง่ายมาก เพราะจะติดต่อกันผ่านทางสัมผัส เพราะลักษณะเริมจะมีตุ่มขึ้นคล้ายหนองและจะแตกออกเป็นน้ำ ดังนั้นเมื่อใดที่ผู้ป่วยสัมผัสน้ำที่แตกออกมาจากเริมแล้วไปสัมผัสผู้อื่นจะสามารถติดได้ทันที ทั้งยังติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ง่ายอีกด้วย ซึ่งการติดเชื้อไวรัสประเภท Herpes simplex มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ
- Herpes simplex แบบ Type 1 จะอยู่ที่บริเวณรอบปากและภายในปาก จะเกิดจากภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงจากความเครียด, ทำงานหนัก, พักผ่อนน้อย หรือร่างกายอยู่ในภาวะพักฟื้นหลังการผ่าตัดและการเจ็บป่วยต่าง ๆ นอกจากนี้ผู้หญิงที่มีประจำเดือนก็สามารถเสี่ยงเกิดเริมที่ปากได้ง่ายเช่นกัน
- Herpes simplex แบบ Type 2 จะเป็นการติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ โดยจะติดช่วงอวัยวะเพศ, ปากมดลูก, ช่องคลอด, อวัยวะเพศชาย, บริเวณถุงอัณฑะ หรือทวารหนัก และบริเวณใกล้เคียงกันได้ทั้งหมด
โดยเชื้อทั้ง 2 ประเภทเป็นปัจจัยที่ทำให้ลุกลามไปสู่การติดเชื้อในส่วนอื่น ๆ ของร่างกายได้ง่าย ยิ่งถ้าร่างกายอ่อนแอลงและภูมิคุ้มกันไม่เพียงพอ อาจจะทำให้ถึงขั้นเชื้อลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญและสมองได้เลยทีเดียว
3. อาการของโรคเริม เป็นอย่างไร น่ากลัวหรือไม่
สำหรับอาการของโรคเริมนั้น จะคล้ายกับอาการติดเชื้อทางผิวหนังทั่วไป แต่จะมีอาการเฉพาะที่สังเกตได้ง่าย ดังนี้
- มีตุ่มพองใสขนาดเล็กขึ้นที่บริเวณผิวหนัง มีลักษณะคล้ายน้ำอยู่ภายใน
- เมื่อปรากฏตุ่มพองใสแล้ว จะมีอาการปวดและแสบร้อนเมื่อไปสัมผัส
- หลังจากการเกิดตุ่มพองใสประมาณ 2 วัน น้ำที่อยู่ภายในจะเริ่มแตกออกมา ถ้าดูแลไม่ดีจะเกิดการติดเชื้อจนอักเสบและลุกลามไปสู่ส่วนอื่น ๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว
- ถ้ารักษาไม่ดีแล้วแผลมีขนาดใหญ่ขึ้น จะรักษาให้หายยากและทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นเสียหายทันที
- มีอาการอ่อนเพลียและปวดเมื่อยร่างกายร่วมด้วย
- ลักษณะอาการจะคล้ายกับไข้หวัด โดยจะมีคัดจมูก น้ำมูกไหล และมีลักษณะอาการคล้ายหวัดทั้งหมด
- ถ้าอาการรุนแรงจะเป็นยาวนานกว่า 2 สัปดาห์
4. วิธีดูแล รักษาและป้องกันโรคเริม เบื้องต้น ง่ายๆ
การดูแลและป้องกันเบื้องต้น จะเหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไม่หนักมาก โดยวิธี คือ
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับให้ตรงตามเวลา
- ลดความตึงเครียดและผ่อนคลายให้มากที่สุด
- ดื่มน้ำ 8-10 แก้วต่อวัน เพื่อให้ร่างกายเกิดความชุ่มชื้น
- ถ้าเกิดเริมขึ้นที่บริเวณผิวหนัง ให้รักษาความสะอาดและทำแผลให้ดีเสมอ
- อาบน้ำด้วยน้ำยาแบบฆ่าเชื้อ เพื่อป้องกันการอักเสบและลุกลาม วันละ 2 ครั้งเสมอ
- เมื่อเป็นแล้วไม่ควรเกาหรือแกะตุ่มพองใสเด็ดขาด เพราะจะทำให้เชื้อกระจายได้มากขึ้น
- ถ้ามีอาการไข้หวัดร่วมด้วยให้ทานยาพาราเพื่อลดไข้
- ถ้าต้องการความมั่นใจควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาอาการทันที
- ถ้าอาการเริ่มหนักขึ้นและไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ ควรรีบพบแพทย์ เพื่อป้องกันการลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญ
แม้ว่าโรคเริมบนผิวหนังจะไม่ได้ร้ายแรง แต่ก็ไม่ควรปล่อยไว้ เพราะอาจจะพาให้ผิวเสียหายและลุกลามไปสู่การอักเสบที่จะ ทำให้อวัยวะในส่วนอื่น ๆ เกิดความเสียหายไปด้วย ทั้งยังอาจจะลุกลามไปสู่อวัยวะสำคัญของร่างกายจนพาให้สูญเสีย ชีวิตได้เลย
5. Dsecret clinic คลินิกรับรักษาโรคเริม โดยแพทย์เฉพาะทาง
Dsecret clinic เข้าใจดีสำหรับทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง โรคเริม เรารู้และเข้าใจสาเหตุของทุกปัญหา กรณีที่อาการของโรครบกวนการนอนหลับพักผ่อนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกกังวลและอับอาย พยายามรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษา เพียงคุณเข้ามาติดต่อสอบถาม หรือเข้ามาปรึกษาเราได้ฟรีที่ คลินิก Dsecret clinic เรามี
- แพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญมีหมอที่เก่งโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ
- ไว้พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาคุณในทุกๆ เรื่อง
- เพราะเราใส่ใจในความรู้สึกและปัญหาของคุณ
- เราพร้อมให้บริการที่ยอดเยี่ยม
- มีทีมงานคอยบริการคุณทุกคนอย่างดี
- ใส่ใจคนไข้ทุกคนไม่ว่าปัญหาของคุณจะเล็กมากแค่ไหน
- แต่นั้นคือเรื่องสำคัญของเราเสมอ
ขอบคุณที่ไว้ใจให้เราได้คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิด และเราจะตั้งใจในการบริการงานของเราให้ดีที่สุดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณมาหาเราแล้วได้แต่รอยยิ้มและความสุขกลับไป
6. ประสบการณ์ มากกว่า 15 ปีของ พญ. มริญญา ผ่องผุดพันธ์
ประสบการณ์การทำงาน
- อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
- อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพบาบาลรามาธิบดี
- แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
- แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ
ผ่านการศึกษาจาก ( Education )
- Hair Restoration Training, Korea (2015)
- Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
- Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
- Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
- Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
- Nail surgery training
- Laser expert training
- Hair expert training
- Boton university usa
การค้นหาที่เกี่ยวข้องรักษาเริมด้วยตัวเอง
โรคเริมที่ปาก
งูสวัด เริม
เริมที่ตา
เริม – Pantip
เป็นเริมที่อวัยเพศ บ่อยมาก
โรคเริม อาการ
แนวทางการรักษาเริม
การค้นหาที่เกี่ยวข้องรูปเริม
วิธีรักษาเริม
งูสวัด เริม
เริม อาการ
รักษาเริมด้วยตัวเอง
แนวทางการรักษาเริม
ยาฉีดรักษาเริม
อาการเริมที่ปาก
|
การค้นหาที่เกี่ยวข้องโรคเริม วิธีรักษา
รูปโรคเริม
เริมที่หลัง
รักษาเริมด้วยตัวเอง
เริมที่ตา
อาการเริมที่ปาก
เป็นเริมที่อวัยเพศ บ่อยมาก
โรคเริม เสี่ยง เป็นเอดส์ ไหม
การค้นหาที่เกี่ยวข้องรักษาเริมด้วยกระเทียม
เบตาดีนทาเริม
รักษาเริมที่ปาก
สมุนไพรรักษาเริม pantip
รักษาเริมด้วยตัวเอง pantip
เป็นเริมกี่วันหาย
เป็นเริมที่อวัยเพศ ห้ามกินอะไร
เป็นเริมไม่หายสักที
|