1.  โรคตาปลา แม้ไม่อันตราย แต่ก็สร้างความเจ็บได้พอสมควร

โรคตาปลาเป็นหนึ่งในโรคทางผิวหนัง ที่จะทำให้ผิวแข็งขึ้นและจะสร้างความเจ็บปวดให้กับผู้ที่เป็นได้ไม่น้อย ส่วนมากแล้วจะเกิดที่บริเวณเท้าเป็นส่วนใหญ่ เพราะจะเป็นจุดที่มีการเสียดสีของผิวหนังอยู่ตลอดเวลาและต่อเนื่องยาวนาน จนทำให้ชั้นเนื้อเยื่อเกิดความหนาพร้อมนูนขึ้นมาจนมีลักษณะคล้ายกับตาปลา ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในปัญหาผิวพรรณที่นอกจากจะสร้างความรำคาญและร่องรอยที่ไม่น่ามองแล้ว ยังทำให้รู้สึกเจ็บปวดได้ดีอีกด้วย

 

2. สาเหตุของการเกิด โรคตาปลา เกิดจากอะไร

สาเหตุของการเกิดตาปลาจะมาจากผิวหนังที่มีการเสียดสีกับเสื้อผ้าหรือรองเท้า ในส่วนใดส่วนหนึ่งเป็นเวลานาน จนกลายเป็นทรงกลมและมีลักษณะคล้ายกับตาปลาขึ้นมาอย่างชัดเจน โดยจะเป็นส่วนของหนังกำพร้าและหนังแท้ที่เกิดการยึดเกาะติดกัน เพราะเมื่อเกิดการเสียดสีมากขึ้นจะมีสารชนิดหนึ่งที่เชื่อมให้ทั้งชั้นหนังกำพร้าและชั้นหนังแท้ กลายเป็นเนื้อเดียวกันและถ้ามีการเสียดสีที่รุนแรงมากขึ้น อาจกลายเป็นตุ่มพองและเมื่อมีการกระตุ้นหนักขึ้นหรือการเสียดสีอย่างรุนแรง จะทำให้ชั้นผิวหนังที่เป็นคราบไคลต่าง ๆ เข้ามารวมกันและกลายเป็นผิวที่มีความหนา แข็ง คล้ายมีลิ่มอยู่ด้านในและอาจจะมีตุ่มน้ำใส ที่จะสร้างความรู้สึกเจ็บปวดเมื่อไปสัมผัสหรือโดนได้มากเลยทีเดียว ซึ่งการเกิดตาปลานั้นจะเน้นไปที่การเสียดสีของผิวหนัง จะไม่เกี่ยวข้องใด ๆ กับการติดเชื้อ

 

 

3. อาการของ โรคตาปลา เป็นแบบไหน

เมื่อเกิดตาปลาขึ้น ขั้นแรกจะเป็นเพียงแค่ตุ่มใสที่คล้ายมีน้ำอยู่ด้านใน แต่เมื่อเจาะแล้วจะไม่มีน้ำออกมา แต่อาจจะกลายเป็นเลือดแทน เมื่อเกิดการเสียดสีของผิวหนังที่มากขึ้น อาจกลายเป็นก้อนกลมหรือก้อนที่มีความแหลมขึ้นมาได้ โดยจะมีลักษณะคล้ายกัน คือ แข็งและเมื่อไปสัมผัสถูกตาปลาจะทำให้รู้สึกเจ็บได้ หรือถ้าเป็นการกดน้ำหนักลงบริเวณที่มีตาปลาจะทำให้รู้สึกเจ็บและแสบในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ถ้าไม่รีบรักษาและปล่อยให้เกิดการเสียดสี จนทำให้ตาปลาใหญ่ขึ้น อาจสร้างปัญหากดทับกระดูกและเส้นประสาท ดังนั้นเมื่อพบว่ามีตาปลาเกิดขึ้น ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อนำออก

 

4.  วิธีการดูแลรักษา โรคตาปลา ต้องทำอย่างไรบ้าง

สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาตาปลา หรือเกิดแล้วต้องการดูแลให้ดีสามารถใช้วิธีดังต่อไปนี้

  • หลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าที่รัดแน่นจนเกินไป
  • ทำความสะอาดผิวบริเวณเท้า พร้อมการขัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง
  • ทำความสะอาดถุงเท้าและรองเท้าเสมอ
  • ถ้าเกิดตุ่มตาปลาขึ้นให้ติดพลาสเตอร์แบบกรดซาลิไซลิก บริเวณตาปลาประมาณ 2-3 วัน แล้วแกะพลาสเตอร์ออก จากนั้นให้แช่เท้าด้วยน้ำอุ่น ตาปลาจะหลุดออกได้ง่ายขึ้น
  • ใช้ยาสำหรับการกัดหรือกำจัดตาปลาออก โดยหยดที่บริเวณตาปลาประมาณ 1-2 ครั้ง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 25 วัน
  • ถ้าต้องการวิธีที่เร็วขึ้น สามารถใช้การเลเซอร์หรือการผ่าตัดออกได้

สำหรับผู้ที่มีปัญหาเรื่องตาปลาและต้องการจะรักษาอย่างจริงจัง ควรรักษากับแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุด ไม่ควรซื้อยามาใช้งานเอง เพราะอาจจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่บานปลายได้

 

5.  Dsecret clinic  คลินิกรับรักษา โรคตาปลา  โดยแพทย์เฉพาะทาง

Dsecret clinic เข้าใจดีสำหรับทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่อง โรคตาปลา  เรารู้และเข้าใจสาเหตุของทุกปัญหา กรณีที่อาการของโรครบกวนการนอนหลับพักผ่อนหรือการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้รู้สึกกังวลและอับอาย พยายามรักษาด้วยตนเองแล้วไม่ดีขึ้น หรือมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการติดเชื้อเกิดขึ้น ควรไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรับการรักษา เพียงคุณเข้ามาติดต่อสอบถาม หรือเข้ามาปรึกษาเราได้ฟรีที่ คลินิก Dsecret clinic เรามี

  • แพทย์เฉพาะทางผู้เชี่ยวชาญมีหมอที่เก่งโรคผิวหนัง โดยเฉพาะ
  • ไว้พร้อมดูแลและให้คำปรึกษาคุณในทุกๆ เรื่อง
  • เพราะเราใส่ใจในความรู้สึกและปัญหาของคุณ
  • เราพร้อมให้บริการที่ยอดเยี่ยม
  • มีทีมงานคอยบริการคุณทุกคนอย่างดี
  • ใส่ใจคนไข้ทุกคนไม่ว่าปัญหาของคุณจะเล็กมากแค่ไหน
  • แต่นั้นคือเรื่องสำคัญของเราเสมอ

ขอบคุณที่ไว้ใจให้เราได้คอยดูแลคุณอย่างใกล้ชิด และเราจะตั้งใจในการบริการงานของเราให้ดีที่สุดและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้คุณมาหาเราแล้วได้แต่รอยยิ้มและความสุขกลับไป

 

 

6.  ประสบการณ์ มากกว่า 15 ปีของ พญ. มริญญา ผ่องผุดพันธ์

ประสบการณ์การทำงาน

  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
  • อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพบาบาลรามาธิบดี
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
  • แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ

ผ่านการศึกษาจาก ( Education )

  • Hair Restoration Training, Korea (2015)
  • Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
  • Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
  • Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
  • Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
  • Nail surgery training
  • Laser expert training
  • Hair expert training
  • Boton university usa

ที่คนค้นหาเกี่ยวกับเนื้อหานี้ :