ทำความรู้จักกับ โรคน้ำกัดเท้า ที่คุณควรรู้

“โรคน้ำกัดเท้า” (Athlete’s Foot) ปัญหาผิวหนังที่มาในช่วงหน้าฝน ซึ่งถือเป็นโรคที่คุณไม่ควรละเลย และควรมีความรู้ความเข้าใจในการดูแลตนเองอย่างถูกวิธี เพื่อลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงต่างๆ ที่จะตามมาได้ ถ้ามีอาการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง ควรรีบไปพบแพทย์ทันที หากคุณกำลังเป็นโรคนี้อยู่หรือสงสัยว่าจะเป็นอย่างปล่อยไว้จนสายเกิดไป รีบมาพบแพทย์ที่ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” เพื่อปรึกษาและได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง เนื่องจากมีทีมแพทย์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังโดยเฉพาะ นำทีมแพทย์โดย พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ แพทย์เฉพาะทางโรคผิวหนัง ตจแพทย์ ที่พร้อมจะให้คำปรึกษาและดูแลคุณอย่างใกล้ชิด

โรคน้ำกัดเท้า คืออะไร

สาเหตุโรคน้ำกัดเท้า (Athlete’s Foot) หรือฮ่องกงฟุต คือ โรคที่มีอาการคันซึ่งเกิดจากเชื้อราที่เท้า เมื่ออากาศร้อนๆ และเท้าชื้นมากๆ ประกอบกับมีเหงื่อออกมากด้วยจึงเป็นบ่อเกิดของเชื้อราที่เรียกว่า Dermatophytes เนื่องจากเชื้อรา จะเจริญเติบโตและแพร่พันธุ์ได้ดีมากในอากาศร้อนชื้น เช่น

• รองเท้าที่ลุยน้ำท่วม
• พื้นห้องอาบน้ำ
• พื้นบริเวณสระว่ายน้ำ เป็นต้น

เมื่อเราใส่รองเท้าที่มีเชื้อราชนิดนี้เจริญเติบโตอยู่จะทำให้เกิดโรคน้ำกัดเท้านั่นเอง นอกจากนี้เชื้อราชนิดนี้ยังสามารถติดเชื้อได้จากการใช้ของร่วมกับผู้อื่น เช่น

• รองเท้า
• ถุงน้ำ
• ผ้าเช็ดตัว เป็นต้น

ซึ่งเชื้อราชนิดนี้สามารถเกิดขึ้นกับอวัยวะในส่วนอื่น ๆ ได้ด้วย เช่น

• การติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณขาหนีบ ต้นขา ข้อพับต้นขามีอีกชื่อหนึ่งว่า สังคัง
• Ringworm or tinea capitis คือ กลากที่ศีรษะ

ปรึกษาปัญหา โรคน้ำกัดเท้า คลิกที่นี่

อาการของโรคน้ำกัดเท้า เป็นแบบไหน

อาการของโรคน้ำกัดเท้า เกิดจากการระคายเคืองทางผิวหนัง โดยจะมีลักษณะโรคได้หลากหลายโดยอาการจะแบ่งออกได้เป็น 3 ระยะ ได้แก่

1. ระยะแรก เกิดในช่วง 1-3 วันแรก ผิวหนังจะเปื่อยเมื่อแช่น้ำ ผิวมีลักษณะ

• คัน
• แสบ
• เปื่อย
• ลอกเพราะเกิดการระคายเคือง

2. ระยะที่สอง ช่วง 3-10 วัน อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย ผิวหนังในระยะนี้จะมีอาการ

• แดง
• บวม
• ปวดเจ็บ
• มีหนองหรือน้ำเหลืองซึม

3. ระยะสุดท้าย เกิดขึ้นในช่วง 10-20 วัน ถ้าผิวหนังแช่น้ำต่อเนื่อง จะมีลักษณะ

• แดง
• คัน
• มีขุยขาว
• เปียกและเหม็น
• ผิวหนังจะเปื่อยเป็นสีขาว
• อาจเป็นการติดเชื้อรา

ขึ้นกับช่วงเวลาหรือความถี่ที่ผิวหนังสัมผัสน้ำ ผิวหนังที่แช่น้ำนานๆ เซลล์ผิวหนังจะอุ้มน้ำ ทำให้บวมและเปื่อยฉีกขาดได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณที่มีการเสียดสี เช่น ง่ามนิ้วเท้า จึงควรสังเกตอาการ หากมีความผิดปกติให้รีบพบแพทย์เฉพาะทาง ไม่ควรซื้อยามาทาหรือรับประทาน เพราะอาจเกิดอันตรายได้

ติดต่อสอบถามรักษา โรคน้ำกัดเท้า คลิกที่นี่

สำหรับผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้าทาง “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” แนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้

1. หลีกเลี่ยงการแช่เท้าในน้ำนานๆ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ให้ใส่รองเท้าบูต และเมื่อขึ้นจากน้ำให้ล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ เช็ดเท้า ง่ามนิ้วเท้า ให้แห้งอยู่เสมอ และทาครีมบำรุงผิว
2. ถ้ามีผื่นแดงเล็กน้อยคัน แสบ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” อาจจะใช้ยาทายากลุ่มสเตียรอยด์ เช่น

• 0.02% Triamcinolone cream วันละสองครั้งจนผื่นหาย

3. ถ้ามีผื่นและมีรอยเปื่อยฉีกขาดของผิว มีอาการบวมแดง ปวดเจ็บ หรือมีหนอง ซึ่งเป็นอาการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์ที่ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ทันทีหากปล่อยเอาไว้นานอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ในที่สุดและยากต่อการรักษา เพื่อรักษาตามอาการต่อไป ที่ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” มีทีมแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านโรคผิวหนังโดยเฉพาะ คอยให้การรักษาอย่างใกล้ชิด มีประสบการณ์ทำงานมามากกว่า 15 ปี ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้เลยว่าเมื่อคุณมาที่ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” โรคผิวหนังของคุณจะหายขาดอย่างแน่นอน
4. ถ้าเท้าแช่น้ำนานหลายสัปดาห์ต่อเนื่อง อาจจะทำให้ผิวหนังติดเชื้อรา ที่ง่ามนิ้วเท้าเกิดเป็นผื่นขุยเปียกขาว “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ทางทีมแพทย์จะใช้ยาทารักษาเชื้อรา เช่น

• ขี้ผึ้งวิธฟีล (Whitfield’ s ointment)
• โคลไทรมาโซลครีม (Clotrimazole cream)

แอดไลน์ปรึกษาอาการ โรคน้ำกัดเท้า คลิกที่นี่

สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วย โรคน้ำกัดเท้า

อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคน้ำกัดเท้าควรทำ คือ ควรหลีกเลี่ยงการยืนแช่น้ำเป็นเวลานาน ควรทำความสะอาดเท้า ง่ามเท้า ขอบเล็บทุกครั้งหลังลุยน้ำด้วยน้ำและสบู่ และเช็ดเท้าให้แห้งอยู่เสมอ การเดินลุยน้ำท่วมขังอาจไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ง่าย แต่มีวิธีป้องกันได้ง่าย ๆ ด้วยการสวมถุงพลาสติก หรือสวมถุงดำหุ้มเท้าไว้เพื่อป้องกันการเกิดเชื้อรา และป้องกันของมีคมทิ่มแทงเท้า นอกจากนี้การหมั่นรักษาความสะอาดร่างกายยังเป็นการป้องกันได้อีกทางหนึ่งด้วย

ด้วยความหางใยจากทางทีมแพทย์ และ ผู้ให้บริการของ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” หากคุณมีปัญหาหรือข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับโรคผิวหนังหรือความงาม ใกล้สาขาไหนสามารถเข้ารับคำปรึกษาได้ฟรี หากไม่สะดวกคุณสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ พร้อมจะทำให้คุณหมดกังวลเกี่ยวกับ ติ่งเนื้อให้หายไปจากคุณที่ “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” คลินิกที่คุณ กิ๊ก – มยุริญ ผ่องผุดพันธ์ และดารานักแสดง ต่างให้ความไว้วางใจ เลือกใช้บริการกับทาง “Seven Plus Clinic และ D’Secret Clinic” ของเรา หากคุณสะดวกหรือใกล้ที่สาขาไหนคุณสามารถเข้าไปปรึกษาได้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะทำให้คุณมีสุขภาพแข็งแรงและผิวที่สวยสดใสอยู่เสมอ

ประสบการณ์การทำงาน พญ.มริญญา ผ่องผุดพันธ์ 

• อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลแม่ฟ้าหลวง
• อาจารย์แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี
• แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลสมิติเวช
• แพทย์ผิวหนัง โรงพยาบาลกรุงเทพ

ผ่านการศึกษาจาก (Education)

• Hair Restoration Training, Korea (2015)
• Thai Board of Dermatology, Ramathibodi Hospital (2013)
• Board of Dematopathology, Boston University, USA (2009)
• Master of Science in Dermatology, Boston University, USA (2006)
• Doctor of Medicine, Mahidol University (2001)
• Nail surgery training
• Laser expert training
• Hair expert training
• Boton university usa